สำหรับรางวัล PM Award ถือเป็นรางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่นเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจของประเทศและเป็นการประกาศเกียรติคุณให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางถึงความสำเร็จและความทุ่มเทของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาตนเอง พัฒนาสินค้า และบริการให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก PM Award 2018 รับรองคุณภาพของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกไทย ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สากล ในปีนี้ได้ใช้แนวคิด ‘Leading The Way’ สะท้อนถึงเส้นทางเดินแห่งความสำเร็จของนักธุรกิจไทย ซึ่งจัดโดย สำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
โดยในงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานในพิธีมอบรางวัล กล่าวว่า การส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศบนเวทีโลก ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนและส่งเสริมภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยอย่างดีเสมอมารัฐบาล จึงได้มีนโยบายหลักที่มุ่งเน้นให้เกิดการขยายตัวของการค้าระหว่างประเทศซึ่งบรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อีกทั้งนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ผลักดันให้เกิดการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยการเน้นใช้นวัตกรรมในการออกแบบและผลิต เพื่อเพิ่มคุณภาพของสินค้าและบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลก ทั้งยังเน้นสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิตสินค้าและบริการไทย โดยคงเอกลักษณ์แบบไทยอันโดดเด่นที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่นใด เมื่อภาคการส่งออกและภาคธุรกิจโดยรวมเข้มแข็งก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคส่วนอื่นภายใต้พลังประชารัฐทำให้เศรษฐกิจฐานรากและภาคประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นเป็นลำดับ
นางสาว ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “กระทรวงพาณิชย์มีภารกิจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้การช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ทั้งภาคการส่งออกและผู้ประกอบการรายย่อยอย่างต่อเนื่อง อาทิ จัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy)เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถประกอบธุรกิจและทำการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย ให้ความรู้ในเรื่องของการทำการค้าออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ Kongdeetourthai.com (ของดีทั่วไทย) และ thaitrade.com และยังร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรอิเล็คทรอนิกส์ชั้นนำ อาทิ Alibaba, Tmall, Amazon, และ eBay เพื่อสร้างการรวมกลุ่มและขยายช่องทางการค้าสำหรับผู้ประกอบการไทยในตลาดต่างประเทศ ให้การสนับสนุนภาคบริการให้เติบโตมากขึ้น เพื่อให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุน และการให้บริการของอาเซียน และเพิ่มการสร้างรายได้จากภาคบริการให้มากขึ้น ตลอดจน กระจายรายได้ไปสู่ชุมชน จึงมีการสนับสนุนการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์มาใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจบริการ นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการขับเคลื่อน Creative and Cultural Economyโดยการดึงศักยภาพของท้องถิ่น ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีมาพัฒนา และต่อยอดเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ ผ่านการสร้างเรื่องราวซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทย ที่พยายามสร้างสรรค์และยกระดับศักยภาพของตน
ความสำเร็จของผู้ประกอบการไทย มูลค่าการส่งออกจากปี 2559ถึงปัจจุบัน มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกของปี 2559 เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 0.5 การส่งออกของปี 2560 มีมูลค่า 236,635 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.86 และมูลค่าการส่งออกใน 6 เดือนแรก ในปี 2561 ( ม.ค. – มิ.ย) มีมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 125,812 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.95 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ของทั้งปี2561
ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกบริษัทเข้ารับรางวัลในแต่ละปีจะมีขั้นตอนดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบเป็นระบบและโปร่งใส โดยมีคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจส่งออกที่ได้รับรางวัลนี้มีคุณสมบัติ ที่เพียบพร้อมอย่างแท้จริง โดยรางวัลทั้ง 7 ประเภทที่มีการมอบภายในงานในปีนี้ มีดังนี้
1. รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม (Best Exporter) จำนวน ๙ บริษัท ดังนี้
บริษัทขนาดใหญ่ (L)
- บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด
- บริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด
- บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด
- บริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด
- บริษัท มิลลิเมด จำกัด
- บริษัท กรไทย จำกัด
- บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด
- บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทขนาดกลาง (M)
- บริษัท ที.แมน.ฟาร์มา จำกัด
2. รางวัลสินค้านวัตกรรมที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม (Best Green Innovation) จำนวน ๔ บริษัท ดังนี้
บริษัทขนาดใหญ่ (L)
- บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัทขนาดเล็ก (S)
- บริษัท ธนบดีเดคอร์เซรามิค จำกัด
- บริษัท ยูนิแอร์ คอน์ปอเรชั่น จำกัด
- บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน)
3. รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม (Best Thai Brand) จำนวน ๘ บริษัท ดังนี้
บริษัทขนาดใหญ่ (L)
- บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด
- บริษัท เซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด
- บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด
บริษัทขนาดกลาง (M)
- บริษัท บิ๊กไอเดีย คอรเปอเรท (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊บ จำกัด
- บริษัท เซฟ-ที-คัท แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
บริษัทขนาดเล็ก (S)
- บริษัท สยามเฟรช เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
- บริษัท บีโปรดักส์อินดัสตรี้ จำกัด
4. รางวัลสินค้าที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) จำนวน ๖ บริษัท ดังนี้
- สัมผัสแกลเลอรี่ สินค้า เก้าอี้สานจากผักตบชวา ชื่อ WaterWeed
- บริษัท ไบโอฟอร์ม (ประเทศไทย) จำกัด สินค้า กล่องข้าว ชื่อ Sugarcane Lunch box for all ages
- มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ สินค้า เสื้อผ้า ชื่อ Mae Fah Luang s/s18
- บริษัท เคนไซซีรามิคส์ อินดัสตรี้ จากัด สินค้ากระเบื้องเซรามิก กันความร้อน ชื่อ Thermic Tiles
- บริษัท พร้อม ดีไซน์ จำกัด สินค้า บรรจุภัณฑ์ ชื่อ Raimaijon Pasteurized Sugarcane Juice
- บริษัท เชคแอนด์เบคสตูดิโอ จำกัด สินค้า กราฟิก ชื่อ Thunder Bird Hostel
5. รางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม (Best Services Enterprise Award) สาขาโรงพยาบาล/คลินิกเฉพาะทางในโรงพยาบาล/ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง (Health & Wellness)
ไม่มีผู้ผ่านการพิจารณา
สาขาดิจิทัลคอนเทนท์ (Digital Content)
- ไม่มีผู้ผ่านการพิจารณา
สาขาซอฟต์แวร์ (Software) จำนวน ๑ บริษัท ดังนี้
- บริษัท ไทเกอร์ซอฟท์ (1998) จำกัด
สาขาธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (Printing) จำนวน ๑ บริษัท ดังนี้
- บริษัท ไซเบอร์พริ้นท์กรุ๊ป จำกัด
สาขาโลจิสติกส์การค้า (ELMA)
- ไม่มีผู้ผ่านการพิจารณา
6. รางวัลสินค้าหนึ่งตาบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม (Best OTOP) จำนวน ๔ บริษัท ดังนี้
- บริษัท ธนบดีเดคอร์เซรามิค จำกัด
- บริษัท ภูตะวัน เฮิร์บ แอนด์ คอสเมติค จำกัด
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภูโคลน คันทรีคลับ
- บริษัท เคียงมูล พลังงานยั่งยืน (ประเทศไทย) จำกัด
7. รางวัลสินค้าฮาลาลยอดเยี่ยม (Best Halal) จำนวน ๒ บริษัท ดังนี้
- บริษัท ออล โคโค่ กรุ๊ป จำกัด
- บริษัท บิ๊กไอเดีย คอร์ปอเรท (ประเทศไทย) จำกัด
ซึ่งในปีนี้ มีผู้ประกอบธุรกิจได้รับรางวัลใน 7 ประเภท รวมทั้งสิ้น 35 รางวัล 32 บริษัท รางวัลนี้ ถือเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จ สูงสุดสำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่งออกไทย ทั้งสินค้าและบริการประเภทต่างๆซึ่งส่งผลให้เกิดการกระตุ้นให้ผู้ที่ได้รับรางวัล ได้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ ในระดับสากล รวมถึงทำให้ผู้นำเข้าและผู้ซื้อจากต่างประเทศเพิ่มความเชื่อมั่นต่อผู้ส่งออกของไทยที่ได้รับรางวัลอีกด้วย ซึ่งจากผลการดำเนินโครงการ ตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปี 2561 ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 27 มีผู้ประกอบธุรกิจส่งออกไทยที่ได้รับรางวัลแล้วกว่า 600 ราย