ไม่ทำให้แฟนกีฬาการต่อสู้มากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ต้องผิดหวัง สำหรับความมันครบรสชาติที่เกิดขึ้นในศึก ONE 167 ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยผลปรากฏว่า “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” สามารถย้ำชัย “โจ ณัฐวุฒิ” ป้องกันบัลลังก์ครั้งที่ 3 ได้สำเร็จ ขณะที่ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” และ “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” พร้อมใจกันเก็บชัยชนะมาครองได้อย่างสุดสะใจ ส่วน “โนแอล กรองด์ชอง” พลาดท่าพ่ายเป็นไฟต์ที่ 2 ติดต่อกัน

คู่เอกของรายการ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145 – 155 ป.) วัย 25 ปี ลงสังเวียนป้องกันบัลลังก์ครั้งที่ 3 พบกับ “โจ ณัฐวุฒิ” นักชกอินดี้ วัย 34 ปี ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าที่เคยประชันฝีมือกันมาแล้วอย่างดุเดือดในกติกาคิกบ็อกซิ่ง เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา

ช่วงสองยกแรก “โจ” ไม่กลัวศักดิ์ศรีแชมป์ ปล่อยอาวุธแลกกับแข้งซ้ายของ “ตะวันฉาย” ได้อย่างดุเดือด เข้ายก 3 ผู้ท้าชิงเร่งเครื่องกดดันหนักและได้จังหวะซัดหมัดจน “ตะวันฉาย” ตาปิด เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย “ตะวันฉาย” อาศัยความสดกว่าเดินบดบี้สู้กับ “โจ” จนหยดสุดท้ายเรียกเสียงเชียร์จากแฟนคลับของทั้งสองฝ่ายดังสนั่น ครบ 5 ยก กรรมการชูมือให้ “ตะวันฉาย” เป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ป้องกันเข็มขัดครั้งที่ 3 สำเร็จ

คู่รอง “ดิไอรอนแมน” รถถัง จิตรเมืองนนท์ ราชันมวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.) วัย 26 ปี หวนคืนเวทีครั้งแรกของปีท้าชน “เดนิส พูริช” มวยเก๋า วัย 39 ปี ตัวแทนจากบอสเนีย – แคนาดา ที่ได้โอกาสสู้กับนักชกคนดังชาวไทยสมใจ ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 141.25 ป.

ภาพรวมเกมการชกตลอดทั้งสามยก ดำเนินไปอย่างสุดมันสมการรอคอย ต่างฝ่ายต่างเดินเข้าหากันอย่างไม่เกรงกลัว โดย “รถถัง” ใช้ความไวของการออกอาวุธที่เหนือกว่า ชิงเล่นงานโกยคะแนนอย่างต่อเนื่อง ด้าน “เดนิส” อาศัยหัวใจนักสู้ยืดซดกับจอมบู๊ชาวไทยได้แบบถึงพริกถึงขิงถูกใจคนดู สุดท้ายเป็น “รถถัง” ที่ได้รับการชูมือชนะแต้มเอกฉันท์

ขณะที่ “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” ตำนานคิกบ็อกซิ่งขวัญใจชาวไทย วัย 32 ปี อาสารับน้อง “มาซาอากิ โนอิริ” นักชกคิกบ็อกซิ่งซูเปอร์สตาร์ จากญี่ปุ่น วัย 31 ปี ที่มาประเดิมโชว์ฝีมือบนเวทีระดับโลก ONE เป็นครั้งแรก ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.)

เปิดฉากยกแรก “สิทธิชัย” ไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดฉากเดินโจมตี “มาซาอากิ” ทันที โดยทำคะแนนได้อย่างจะแจ้งจากการวางแข้งและหมัดซ้าย ที่อัดเข้าเป้าอย่างต่อเนื่อง ยกสอง “มาซาอากิ” แก้เกมเดินสาดหมัดหวังโกยแต้มคืน แต่ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดเท่าไหร่ ยกตัดสินทั้งสองฝ่ายงัดอาวุธทุกอย่างที่มีออกมาฟาดกันไม่เลี้ยง ครบ 3 ยก ผู้ชี้ขาดบนเวทีชูมือให้ “สิทธิชัย” ชนะคะแนนเอกฉันท์ กู้ศรัทธาแฟนมวยทั่วโลกกลับมาได้สำเร็จ

ด้าน “โนแอล กรองด์ชอง” นักสู้หญิงแกร่งลูกครึ่งไทย – ฝรั่งเศส วัย 28 ปี ส้มหล่นครั้งใหญ่ ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองกับนักสู้ตัวท็อปของแรงกิง อย่าง “เดนิส แซมโบอันกา” นักสู้สวยสังหาร วัย 27 ปี จากฟิลิปปินส์ ในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นอะตอมเวต (105 – 115 ป.)

เริ่มยกแรกเป็นทางด้าน “เดนิส” ที่คุมเกมได้เหนือกว่า โดยเฉพาะในช่วงปลายยกที่พา “โนแอล” ลงไปเล่นเกมนอนจนเกือบจะปิดเกมได้ในช่วงท้ายยก จากนั้นช่วงที่เหลือรูปเกมหนักไปทางยืนสู้ แม้ “โนแอล” จะพยายามเร่งเต็มที่ในยกสุดท้าย แต่ “เดนิส” ยังคงทำได้เหนือกว่าชัดเจน จบครบ 3 ยก “เดนิส” เข้าวินด้วยคะแนนเอกฉันท์ พร้อมรักษาสิทธิ์ในการเป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์ของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ต่อไป

สำหรับโบนัสอัดฉีดในศึกนี้มีทั้งหมด 3 คน ได้แก่ อาเดรียน ลี, เคด รูโทโล และ ไมกี มูซูเมกี ที่ระเบิดฟอร์มโดนใจบิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ได้รับเงินรางวัลคนละ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) รวมยอดกว่า 5.5 ล้านบาท (ห้าล้านห้าแสนบาท) ในอีเวนต์เดียว

สรุปการแข่งขันทุกคู่ศึก ONE 167
คู่เอก ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย ชนะคะแนนเสียงข้างมาก โจ ณัฐวุฒิ (ชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต 145 – 155 ป.), คู่รอง รถถัง จิตรเมืองนนท์ ชนะคะแนนเอกฉันท์ เดนิส พูริช (คิกบ็อกซิ่ง แคตช์เวต 141.25 ป.), ไมกี มูซูเมกี ชนะซับมิชชัน กาเบรียล ซูซา นาทีที่ 3:07 ของยกแรก (ปล้ำจับล็อก รุ่นแบนตัมเวต 135 – 145 ป.), เคด รูโทโล ชนะซับมิชชัน เบลก คูเปอร์ นาทีที่ 3:20 ของยกแรก (MMA รุ่นไลต์เวต 155 – 170 ป.), สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง ชนะคะแนนเอกฉันท์ มาซาอากิ โนอิริ (คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต 145 – 155 ป.), เดนิส แซมโบอันกา ชนะคะแนนเอกฉันท์ โนแอล กรองด์ชอง (MMA รุ่นอะตอมเวต 105 – 115 ป.), อาเดรียน ลี ชนะซับมิชชัน อันโตนิโอ มัมมาเรลลา นาทีที่ 1:56 ของยกที่ 2 (MMA รุ่นไลต์เวต 155 – 170 ป.), เหงียน ตรัน ดุย งัด ชนะคะแนนเอกฉันท์ โจฮัน กาซาลี (มวยไทย รุ่นฟลายเวต 125 – 135 ป.),วิกตอเรีย ซูซา ชนะซับมิชชัน อิตซูกิ ฮิราตะ นาทีที่ 1:31 ของยกแรก (MMA รุ่นอะตอมเวต 105 – 115 ป.), โยฮัน เอสตูปินาน ชนะคะแนนเอกฉันท์ ซาเฟอร์ ซายิก (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135 – 145 ป.)