(กรุงเทพฯ 30 พฤษภาคม 2567) เนื่องในวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็น     “วันมันฝรั่งสากล” ครั้งแรกของโลก บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด (เป๊ปซี่โค ประเทศไทย) ผู้ผลิตเลย์ มันฝรั่งทอดกรอบยอดนิยมของเมืองไทย และเป็นหนึ่งในองค์กรที่ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งของไทยอย่างยาวนานถึง 28 ปี ตอกย้ำพันธกิจในการส่งเสริมเกษตรกรปลูกมันฝรั่งของไทยก้าวสู่ความยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าในปี 2573 ให้เกษตรกรที่ทำสัญญากับเป๊ปซี่โค ประเทศไทย ปฏิบัติตามแนวทางเกษตรยั่งยืนและมีรายได้เพิ่มขึ้น 15%  

ไฮไลท์

  • สมัชชาใหญ่ยูเอ็น ประกาศให้วันที่ 30 พฤกษาคม 2567 เป็นวันมันฝรั่งสากล ครั้งแรกของโลก
  • มีการปลูกมันฝรั่งอยู่ใน 159 ประเทศทั่วโลก และมีสายพันธุ์มันฝรั่งมากถึง 5,000 สายพันธุ์
  • ปัจจุบัน 2 ใน 3 ของประชากรโลกบริโภคมันฝรั่ง
  • ปริมาณผลผลิตมันฝรั่งทั่วโลกในปี 2573 คาดว่าจะมีมากถึง 750 ล้านตัน  
  • เป๊ปซี่โคประเทศไทย ใช้มันฝรั่งในการผลิต “เลย์” 1 แสนตันต่อปี

30 พฤษภาคม “วันมันฝรั่งสากล”

เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติให้ วันที่ 30 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันมันฝรั่งสากล โดยในปี 2567 นี้จะเป็นปีแรกของการประกาศ เพื่อสร้างความตระหนักในคุณค่าทางโภชนาการ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ของสหประชาชาติ ซึ่งได้แก่ การขจัดความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการและส่งเสริมเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังส่งเสริมโอกาสด้านอาชีพและเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต

ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ หรือ The United Nations* ระบุว่ามันฝรั่งซึ่งเป็นหนึ่งในห้าพืชอาหารหลักที่บริโภคในโลก มีการปลูกอยู่ใน 159 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในหลายประเทศจะมีวันมันฝรั่งแห่งชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา เปรู ฯลฯ โดยประชากร 2 ใน 3 ของโลกบริโภคมันฝรั่ง และภายในปี 2573 คาดว่าปริมาณผลผลิตทั่วโลกจะมีมากถึง 750 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 112% ทั้งนี้มันฝรั่งนอกจากจะสร้างความมั่นคงทางอาหาร ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตพลังงานชีวภาพ และเป็นพืชที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศ เนื่องจากผลิตการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำเมื่อเทียบกับพืชอื่นๆ

มันฝรั่งเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงประกอบไปด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิดและมีใยอาหาร จึงเป็นพืชอาหารหลักที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมในหลายประเทศ

*ข้อมูลจากเว็บไซต์องค์การสหประชาชาติ (The United Nations):  https://www.un.org/en/observances/potato-day

เป๊ปซี่โคประเทศไทย ตั้งเป้าสร้างความยั่งยืนทางเกษตรและรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่ง

เป๊ปซี่โคประเทศไทย ผู้ผลิตเลย์ มันฝรั่งทอดกรอบยอดนิยมของเมืองไทย ได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งมานานถึง 28 ปี โดยส่งเสริมห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มจากตั้งแต่การปลูกมันฝรั่ง ด้วยการส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกร เพิ่มผลผลิตด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นการติดตั้งระบบชลประทานน้ำหยด การใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดเพื่อตรวจสอบสภาพดิน รวมถึงการใช้โดรนเพื่อประเมินโรคและตรวจสอบสภาพพื้นที่ปลูกมันฝรั่ง ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพส่งเข้ากระบวนการแปรรูปเป็นมันฝรั่งทอดกรอบ

ในแต่ละปี “เลย์” ใช้มันฝรั่งประมาณ 1 แสนตันต่อปี ในการผลิตมันฝรั่งทอดกรอบที่จำหน่ายในไทย  โดยเป็นผลผลิตในประเทศ 70% สร้างรายได้ให้เกษตรกรมากถึง 1,500 ล้านบาท ทั้งนี้ภายในปี 2573 เป๊ปซี่โคประเทศไทย ตั้งเป้าส่งเสริมผลผลิตในประเทศให้ได้ 85% และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอีก 15%

ปัจจุบัน เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งเพื่อใช้ในการผลิตเลย์ ใน 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก เพชรบูรณ์ สกลนคร และนครพนม บนเนื้อที่กว่า 38,000 ไร่ โดยส่งเสริมเกษตรกรไทยมากกว่า 5,800 คน ผ่านการจัดทำฟาร์มต้นแบบ (model farm) จำนวน 19 แห่ง และได้ร่วมมือกับพันธมิตรและภาครัฐในการส่งเสริมเกษตรกร

เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตควบคู่กับแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีธรรมาภิบาลหรือ ESG และพร้อมเดินหน้าสานต่อพันธกิจในการส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งและเกษตรกรไทยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเร่งยกระดับการเพาะปลูกมันฝรั่งและมีการรับประกันการซื้อที่แน่นอนภายใต้ระบบพันธสัญญา โดยมุ่งหวังว่าภายในปี 2573 ให้เกษตรกรทั้งหมดที่ทำสัญญากับเป็ปซี่โค ประเทศไทย จะบรรลุการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน ทั้งการจัดการดินและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการเกษตรและรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งของไทย

เกี่ยวกับเป๊ปซี่โค

ผลิตภัณฑ์ของเป๊ปซี่โคเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคเพลิดเพลินได้มากกว่า 1 พันล้านครั้งต่อวันในกว่า 200 ประเทศและดินแดนทั่วโลก เป๊ปซี่โคมีรายได้สุทธิมากกว่า 91,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 จากธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารสะดวกซื้อของบริษัท เช่น เลย์ โดริโทส ชีโตส เกเตอเรด เป๊ปซี่-โคล่า เมาเทนดิว เควกเกอร์ และโซดาสตรีม กลุ่มผลิตภัณฑ์ของเป๊ปซี่โคประกอบด้วยอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ซึ่งรวมถึงแบรนด์ดังที่แต่ละแบรนด์มียอดขายปลีกทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี 

Guiding PepsiCo คือวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นผู้นำระดับโลกด้านเครื่องดื่มและอาหารสะดวกซื้อ สร้างความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ Winning with pep+ (PepsiCo Positive) ที่มุ่งปรับโฉมธุรกิจในทุกขั้นตอน ด้วยการนำเรื่องความยั่งยืนมาเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างการเติบโตและคุณค่าให้กับโลก และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกและผู้คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทเข้าชมได้ที่ www.pepsico.com และติดตามบน X (Twitter), Instagram, Facebook และ LinkedIn @PepsiCo