พรรคใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว โดนจับตาอย่างเคยๆ ส่วนพรรคหน้าใหม่ ชื่อใหม่ เปิดตัวด้วยคนหน้าเก่าก็มีให้เห็นเช่นทุกสมัย คาดว่าปีนี้การเลือกตั้งจะไม่เป็นดังอดีต ด้วยคนไทย ยุค 4.0 ตามนโยบายรัฐบาล เริ่มทันเกม มีทิศทางสนใจพรรคหน้าใหม่ ชื่อใหม่ และคนหน้าใหม่ ด้วยหวังว่า “คนหน้าใหม่ รุ่นใหม่” อาจทำให้การเมืองไม่ใช่เรื่องคล้ายประวัติศาสตร์
การเมืองไทยภาคเก่าๆอีกต่อไป มีพรรคหน้าใหม่ที่น่าจับตาไม่น้อย ที่ระดมสมองปัญญาชนผสานพลังร่วมก่อตั้งพรรคให้สอดคล้องทันสมัยก้าวทันเทคโนโลยี เชื่อว่ารัฐบาลไทยสมัยหน้า ที่เหมาะกับเก้าอี้หรูเลิศในสภา คงไม่ใช่ ใช้เพียงนโยบาย ข้าว และยางพารา ต้องแพงหูฉี่ เศรษฐกิจจึงดีประชาชนจึงรักอย่างแน่นอน
พรรคหน้าใหม่ไฟแรงแซงกระแสพรรคหน้าเก่าเดิมๆที่น่าจับตามองในตอนนี้ มีให้เห็นไม่น้อย อย่าง
1.พรรคภราดรภาพ พรรคน้องใหม่ที่เน้นนโยบายด้านนวัตกรรมพัฒนาชาติ
พรรคภราดรภาพ นับว่าเป็นพรรคใหม่ที่คนรุ่นใหม่ไม่อาจละสายตา เพราะระดมคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพด้านไอที สนใจเกี่ยวการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศ โดยมีนโยบายการพัฒนาคนในประเทศให้ทันยุคดิจิตอล ให้ตามทันต่างชาติ โดยมีแนวคิดว่า ในขณะที่เรา
พัฒนาชาติ ด้วยระบบเดิมเพื่อให้ทรัพยากรกลายเป็นสินค้าเศรษฐกิจออกสู่ตลาดโลก แต่ทั่วโลกกำลังพัฒนาซอฟแวร์ เพราะตระหนักในทรัพยากรว่ามีจำนวนจำกัด พรรคภราดรภาพจึงนับว่าน่าจับตากับแนวคิดใหม่นี้ เพราะเน้นเทคโนโลยีเข้ามาในการพัฒนาการศึกษา และหาตลาดส่งออกทั่วโลกให้แก่คนในประเทศผ่านทางโลกไซเบอร์ แน่นอนว่าหากประเทศพัฒนาได้ถึง ณ จุดนี้ การกระจายรายได้ย่อมมีความเป็นธรรมเพราะผู้ผลิตสามารถส่งออกสินค้าด้วยตนเอง และเติบโตอย่างก้าวกระโดด
2.พรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นกระแสแรงอย่างต่อเนื่องที่นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ไฟแรง ที่อยากปฏิวัติการเมืองไทย เน้นลูกพรรคที่คิดใหม่
พาประเทศพัฒนาอย่างแท้จริง ผู้ที่เคยมีกลิ่นคาวด้านทุจริต ม็อบแกนนำหน้าเก่าและใหม่ ที่ไม่ได้ประกาศตนต่อสาธารณชนว่าตนนั้นเคยกระทำผิด ถือว่าหมดสิทธิ์ จึงนับว่าอยากล้างระบบให้ประเทศไทยใสสะอาด หากใครเคยติดตามแนวคิด นายธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ
ตามสื่อโซเชี่ยวคงจะทราบดีไม่น้อย ว่าเป็นนักคิด และฝีปากคมคนหนึ่งที่น่าจับตามอง
ทั้งนี้ยังทาบทามนักวิชาการหัวก้าวหน้า ที่เป็นคนรุ่นใหม่อีกหลายรายเข้าร่วมอีกด้วย
3.พรรคสยามพัฒนา พรรคการเมืองหน้าใหม่ที่เกิดจากกลุ่มผู้ประกอบการตลาดไท ที่นำเหล่านักคิดจากหลากหลายอาชีพที่ประสบผลสำเร็จ เตรียมพร้อมลูกพรรคเพื่อลงสนามการเมือง เป็นอีกพรรคที่อยากให้การเมืองไทยมีน้ำดีไม่เหมือนเฉกเช่นที่เป็นอยู่ เน้นพัฒนาแนวเศรษฐกิจของชาติจากผู้มีมากประสบการณ์ในสนามธุรกิจ ที่อยากใช้ความสามารถที่มีมาช่วยบริหารประเทศผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เป็นเติบโตมากยิ่งขึ้นในระดับนานาชาติ
4.พรรคคนรุ่นใหม่ ที่นำโดยดร.กันธิชา ฉิมศิริ ระดมกองทัพนักปราชญ์ มาร่วมพัฒนาประเทศ โดยเน้นพัฒนาด้านการศึกษา พัฒนามนุษย์เป็นอันดับแรก ก่อนที่จะต่อยอดพัฒนาในด้านอื่น แต่ความคิดนโยบายจะมีความแปลกแหวกแนว ไปอย่างพรรคหน้าเก่า ที่เคยเปรยเรื่องการพัฒนาด้านการศึกษาก่อนเป็นหลักอย่างไร คงต้องรอติดตาม
บทสรุปของการเมืองไทยและเก้าอี้ในสภา มิใช่ใครที่เป็นผู้ตัดสินใจ หากประชาชน
คนไทยยังทำตัวเป็นกบเลือกนาย และมิได้สนใจให้ความสำคัญในคะแนนเสียงซึ่งเป็นสิทธิของตน วงจรการเมืองนั้นคงต้องเวียนวนเฉกดังอดีตเดิมที่เคยพานพบประสบซ้ำแล้วซ้ำเล่า คงน่าเสียดายกับการเลือกตั้งที่เราต่างตั้งตาเฝ้ารอ