วันที่ 8-9 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ธนาคารออมสิน และ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ร่วมมือกัน จัดกิจกรรม “ท่องเที่ยวจับคู่ กู้เศรษฐกิจ Restart Tourism” ในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual Online Event) พร้อมช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้ง 13 สาขาวิชาชีพ ที่ประสบผลกระทบจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 โดยจัดกิจกรรมสัมมนา ผ่านช่องทาง Zoom Conference และ Facebook Live ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 300 ราย รวมไปถึงกิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Online Business Matching) กับธนาคารออมสิน และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ที่ให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวและสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ผู้ประกอบการกว่า 100 ราย ภายใต้วงเงินกู้ของธนาคารแห่งประเทศไทย 250,000 ล้านบาท

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตอบรับนโยบายรัฐบาลในการเปิดประเทศ 120 วัน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เตรียมพร้อมขับเคลื่อนแนวทางการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน มุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

กิจกรรม ท่องเที่ยวจับคู่ กู้เศรษฐกิจ Restart Tourism ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม จากผู้ประกอบการทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ร่วมฟังการสัมมนาให้ความรู้จากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ ที่พร้อมจะช่วยสนับสนุนด้านเงินทุนให้กับธุรกิจของผู้ประกอบการให้เดินหน้าต่อ รวมถึงรับฟังแนวคิด และการปรับตัวธุรกิจในยุควิถีใหม่ (New Normal) โดยวิทยากรรับเชิญ คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer SCG Cement Building Material Co., Ltd. มาร่วมจุดประกายความคิดและสร้าง Mindset สู่นวัตกรรมการท่องเที่ยว Trend ใหม่ Workcation ในโอกาสเปิดประเทศที่จะมาถึงในอนาคต

ทั้งนี้ สำหรับแผนการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้งหนึ่ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมเสนอ 2 โครงการในระยะเวลาหลังจากคลายล็อคดาวน์และหากสถานการณ์การระบาดดีขึ้น กับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3” และโครงการ “ทัวร์ทั่วไทย” เสนอ สบค. อนุมัติโครงการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเดือน ตุลาคม 2564 นี้ โดยปัจจุบันทั้ง 2 โครงการนี้มีกรอบเงินกู้ คงเหลือ 10,988 ล้านบาท จากเราเที่ยวด้วยกัน 5,958 ล้านบาท และทัวร์เที่ยวไทยที่ 5,000 ล้านบาทอีกด้วย

โดยที่ผ่านมาได้มีการนำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดส ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยกับ “โมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. โดยนักท่องเที่ยวเมื่ออยู่ภูเก็ตครบ 14 วัน สามารถเดินทางไปจังหวัดอื่นๆ ได้ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วกว่า 2 หมื่นคน ต่อด้วย “สมุยพลัส” เมื่อวันที่ 15 ก.ค. โดยเปิด 3 เกาะของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า และการเปิดส่วนขยายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 7+7 โดยปรับเกณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเมื่ออยู่ภูเก็ตครบ 7 วัน สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ที่กำหนด ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี, เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ และเขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา ขณะที่ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากางแผนเปิดประเทศในระยะต่อไป
โดยเฟส 2 จะเริ่มวันที่ 1 ต.ค. นี้ โดยจะเปิดเพิ่มอีก 5 จังหวัด กทม. ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ ต้อนรับช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว
ส่วนเฟส 3 เริ่ม 15 ต.ค. เป็นต้นไป เปิดเพิ่มอีก 21 จังหวัด จนครบทั่วประเทศ
และเฟส 4 จะเป็นการทำ “ทราเวลบับเบิล” กับประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ชายแดนต่างๆ ภายในวันที่ 1-15 ม.ค. 2565 และมีนโยบายผลักดันการเปิดประเทศต่อไปในอีกหลายจังหวัด