พ.ต.ท.หญิง-สามี จ้างวานฆ่าสารวัตร หนูนา สะเทือนถึงบิ๊กอวบ สำนวนนี้ถ้าไม่ขยายอาจจะสร้างความ
งุนงง อยู่พอสมควร…คดีคนร้าย บุกเผาสวนงู หรือ บ. ภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเมนต์ จก.. ภูเก็ต 1 ในกิจ
การในเครือข่าย OA เริ่มส่งเค้าให้สามารถประติดประต่อไปยังคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งสังคมไทยยังมี
ความสับสน ด้านหนึ่งเชื่อในสิ่งที่รัฐทำแต่อีกด้านหนึ่งมองเห็นต่าง และอาจเจาะเข้าไปถึงความไม่ชอบ
มาพากล ทำนองว่ามีเครือข่ายต้องการล้มยักษ์เพื่อให้ธุรกิจของตัวเติบโต
หลังเกิดเรื่องตั้งแต่ปี 2555 มีคนร้ายบุกเข้าไปยังสวนงู และรุมทำร้ายนายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ.
ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นพิการ ปัจจุบันไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติ ต่อมาจนท.จับกุม นายสุวรรณ
ทองเพิ่ม นายยุทธนา การมาสม เป็นผู้ต้องหาและให้การซัดทอดไปที่พ.ต.ท.หญิงวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์
(ตำแหน่งปัจจุบันประจำชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด สตช.) กับนายชัยณัฐร์ กาณ์ชายานันท์ หรือ
“ตู้ห่าว” นักธุรกิจจีนแผ่นดินใหญ่เจ้าของร้านจิวเวอรี่ และอื่นๆ เพื่อรองรับทัวร์จีนเป็นผู้บงการทั้งหมด
คดีเริ่มต้นอย่าง ตื่นเต้นแต่ 5 ปีที่ผ่านมา กลับมีพลังลึกลับดึงซ้ายดึงขวา บิดเบี้ยวสำนวนและว่ากันว่า
ความพยายามดังกล่าว เกิดขึ้นอย่างหนักระหว่างครอบครัว OA ถูกจับในข้อหาอั้งยี่ โดยไม่ทราบว่าเกิด
อะไรขึ้นกับคดีเผาสวนงู พ.ต.ท.หญิงวันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ คือใคร มีคำตอบที่น่าสนใจว่า
นายตำรวจหญิงคนนี้ เป็นที่ทราบใน สังคมตำรวจ และสังคมผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยวว่า เป็นหลานสาว
ของอดีตนายตำรวจใหญ่ เคยผ่านการเป็นผู้นำองค์กรสีกากีมาแล้ว ในระหว่างหลานสาวมีปฏิสัมพันธ์
กับ “ตู้ห่าว”จนขยับฐานะมาเป็นหลานเขยนั้น กิจการของ 2 ผัวเมียรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็น 1
ใน 5 เสือธุรกิจท่องเที่ยวครบวงจร ที่มาแรงโดย เชื่อกันว่าพลังส่วนหนึ่งได้มาจากการอุดหนุนดูแลของ
นายตำรวจใหญ่คนนั้นที่สำคัญและพัวพันกับอำนาจปัจจุบันคือ พ.ต.ท.หญิงวัทนารีย์ หรือ สารวัตรหนูนา
ได้รับการอุ้มชูจากนายตำรวจคนหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเกิดปัญหาต้องคดีอาญา จึงเชื่อได้ว่า 5 ปี
ของความพยายามเพื่อที่จะบิดเบือนคดี/ล้มคดี ล้วนแต่เกิดจากการกระทำของบีกสีกากีทั้งในและนอก
ราชการเป็นผู้บงการ
ปัจจุบันสารวัตรหนูนา ได้รับการคัดเลือกเข้ามาเป็นทีมเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด ของสำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติ อันมีพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. หรืออาจจะเป็นว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่เป็น
ประธานศูนย์ฯเกิดคำถามทั่วไปในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวงการธุรกิจท่องเที่ยวว่า “บิ๊กอวบ”จะตัด
สินใจแก้ปัญหาที่กำลังค่อยๆขยับเข้าหานี้อย่างไร…สารวัตรหนูนา ยังมีความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่
ต่อไปหรือไม่ และสารวัตรหนูนา คือใคร เรื่องนี้ต้องติดตามตอนต่อไป
กรณีกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปเผาสวนงู หรือ บริษัท ภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเมนต์ จำกัด ที่จังหวัดภูเก็ต กลางดึก
วันที่ 23 เมษายน 2555 และทำร้ายนายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ.ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนพิการ ต่อมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้จับกุมนายสุวรรณ ทองเพิ่มพลอย อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาเอาไว้ได้
เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2559 นอกจากนี้ นายยุทธนา การมาสม หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ ยังได้เข้ามาให้การกับ
ตำรวจกองปราบปราม ได้มีอดีตสารวัตรหญิงสังกัดตำรวจท่องเที่ยว และนายตู้ห่าว สามี เป็นคนบงการ
ในการก่อเหตุ หลังจากสอบปากคำพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ส่งเรื่องไปที่ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต
แต่เรื่องกลับเงียบหาย
ความคืบหน้า วันที่ 16 พ.ย. พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า..
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 พ.ย.นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว และอดีต พ.ต.ท .หญิงวัทนารีย์
กรณ์ชายานันท์ผู้ต้องหาสองสามีภรรยา เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
คดีจ้างวานใช้และพยายามฆ่าผู้อื่น และใช้จ้างวานวางเพลิง เผาทรัพย์สินผู้อื่น หลังจากพนักงาน
สอบสวนสภ.ฉลองรวบรวมหลักฐานออกหมายเรียกทั้งคู่ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ทั้งคู่ให้การ
ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาพร้อมกับขอให้การในชั้นศาล ก่อนที่ทั้งคู่ใช้เช็คธนาคารมูลค่า 1ล้านบาท
ในการประกันตัว
พ.ต.อ.ประชุม เปิดเผยต่อว่า คดีนี้มีแรงกดดันพอสมควร แต่ตนเห็นความผิดปกติในสำนวน มีการหมกเม็ด
หลายจุดจึงต้องการทำให้ถูกต้อง เพื่อให้สังคมได้มีที่พึ่ง เป็นภาพลักษ์ที่ดีแก่องค์กรตำรวจ สำคัญที่สุด
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตสามารถตอบตัวเองได้ว่าเราทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ตามพยาน
หลักฐานที่ปรากฏ ตอบคำถามผู้เสียหายที่พิการและญาติพี่น้องของเขาได้ การนำผู้ต้องหาและผู้เสียหาย
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นการดีที่สุด ถูกต้องที่สุด ส่วนตัวยืนยันไม่รู้จักกับ บ. โอเอ. ไม่เคยรู้จักกับผู้
ต้องหา ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยอะไรในตัวผม
ด้าน พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รองผบก.ป.กล่าวว่า คดีเผาสวนงูที่ จ.ภูเก็ต นั้น เจ้าหน้าที่กก.1.บก.ป.ได้จับกุม
ผู้ต้อหาที่ก่อเหตุ รวมทั้งได้สอบปากคำพยานไปจนรู้ว่าผู้ใดเป็นคนบงการ จากนั้นได้ส่งเรื่องไปที่ สภ.ฉลอง
เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ตั้งแต่เมื่อกลางปี 59 แต่ไม่ทราบว่าทำไมเรื่องถึงเงียบหายไป จนเมื่อมีเรื่อง
ที่นายนายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ.ที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บจนพิการ มาร้องขอความเป็นธรรมที่กองปราบ
เพราะคดีไม่คืบ จะให้โอนคดีมาให้กองปราบปรามทำ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะสั่งการอย่างไรต่อไป